รูปของBenQ11

Narl Diary Fragment


วันที่xx เดือนxx ปีxx


[spoiler]

หลังจากการต่อสู้อย่างยาวนาน..ผมไม่แน่ใจว่านานแค่ใหน แต่ที่แน่ๆ มัน"เลย"กำหนดเวลา ที่เบลคจะทำตาม"คำสั่ง"ของมอริซไปนานแล้ว

เห็นได้จากการเร่งใช้พลังในช่วงแรกจนตอนนี้ผมก็เชื่อว่ามันน่าจะรู้ตัวแล้วว่าแผนที่มันวางใว้ไม่สำเร็จ

มันเลยแผ่วพลังลงเยอะมาก จะว่ามันหมดแรงลงก็ได้ ผมใช้จุดอ่อนเรื่องความรักการต่อสู้ ถ่วงเวลามันออกไป จนมันเลยกำหนดเวลาที่เบลคต้องลงมือกับผู้หญิงคนอื่นๆ

ช่วงเวลาที่ผมซื้อมานั้นแลกกับอาวุธเกือบทั้งหมดที่มี อุปกรณ์เสริมพลังทั้งหมด รวมไปถึงการแบ่งร่างรุมซึ่งถือเป็น"กฏเหล็ก"สำหรับผม ก็นับว่าคุ้มค่าที่จะทำมัน





...เราต่างก็รู้ว่าพลังทั้ง2ฝ่ายก็เริ่มจะมอดหมดลง จะเหลือเพียงการซัดกันตรงๆแบบลูกผู้ชายป่าเถื่อน ถึงกระนั้นผมก็ยังไม่อาจต้านทานพลังของมันได้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณลักษณะร่างกายของผมที่มีมา คงไม่สามารถยืนหยัดซัดกับมันได้จนถึงตอนนี้

นี่คงเป็น "เส้นทางของมอริซ"ได้โดยไม่ต้องสงสัย แสดงให้เห็นว่า คำทำนานสำหรับเบลคนั้น"โกหก"เหมือนกับแองเกอร์ฟิช ที่จบชีวิตตัวเองไปก่อนหน้าโดยที่มันก็ยังคงจะเชื่อมั่นในมอริซอยู่กระมัง?

ไม่สิ ผมคิดว่าแองเกอร์ฟิชเองก็เป็น1ใน"เส้นทาง"ถึงตอนนี้






ก่อนหน้าที่ผมแวะไปงานศพแองเกอร์ฟิช ส่วนหนึ่งผมต้องการ"อาวุธ"ที่หมอนั่นเคยใช้ อะไรนะ?จำไม่ได้เหรอ? มันคือขวาน ที่คมของมันสกัดด้วยแร่ที่สกัดจากเซลของเบลค

โชคดีมากที่ทางญาติเขายกให้ง่ายๆเพราะ พวกเขารู้สึดได้ว่า อาวุธของแองเกอร์ฟิชมันร่ำร้องอยากต่อสู้เสมอนับตั้งแต่ตัวแองเกอร์ฟิชตายไปก็ไม่มีใครใช้มันอีกเลย

...ก็ นะ มันก็สร้างมาจากแร่เบลคนี่นา

ผมรอโอกาสที่จะได้ใช้มันอย่างเหมาะ เพราะผมไม่แน่ใจว่ามันจะใช้ได้ผลแน่ๆใหม ผมจึงเก็บใว้งัดมันออกมาใช้เมื่อเวลาที่เหมาะสมจริงๆ ซึ่งตอนนี้ก็เหมาะที่จะใช้แล้วกระมัง พลังของเบลคน่าจะเหลือไม่ถึง0.5%

เรื่องทฤษฏีเพชรตัดเพชรมันเป็นความรู้พื้นฐาน เพียงแต่เพชรเล็กมันตัดเพชรใหญ่ไม่ได้หรอก มันต้องรอให้เพชรมันเล็กลงความควบแน่นต่ำ ถึงตอนนั้นแหล่ะตัดได้แน่นอน

พูดก็พูดเถอะผมเคยต่อสู้กับเบลคมาในเมื่ออดีตกาลก่อนหลายครั้ง แต่ทุกครั้งจะเป็นเรื่ออยากลองกำลังหรือ การขัดแย้งทางความคิดเล็กน้อย

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มาอัดกันเพราะเหตุผลไร้สาระมากถึงมากที่สุดแต่ดันเป็น 1 ในศึกที่ผมต้องใช้วิธี วางแผน และทรัพยากรเสียเปล่ามากที่สุดครั้งหนึ่ง

อธิบายแบบง่ายๆคือ มันชอบสาวอยู่คนนึง แต่เธอกลับไปชอบคนอื่น ต่อมามีคนเป่าหูมันว่า หากทำตามแผนนี้ สาวเจ้าจะเป็นของนาย.... แม่งงี่เง่ามาก

ถึงจะอ้างแบบแถๆว่ามอริซอาจจะสร้างเส้นทางให้เกิดแบบนี้ ...แต่ถ้าคิดวิเคราะห์แล้ว....อืม....หรือว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ?

ไอ้การสร้างความเดือดร้อนแบบวงเล็กเพื่อรักษาวงใหญ่นั่นก็เป็นวิธีที่มันถนัดนัก ทำไมผมถึงเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้นะก่อนหน้าไม่เคยคิด







ผมใช้พลังทั้งหมดที่มี สูตรตำราการต่อสู้ทุกอย่าง ท่าอัดแบบบากิก็เอามาใช้

เพื่อพิชิตให้เร็วที่สุด ผมเน้นจุดตายทุกเป้า ผมไม่แน่ใจว่าตอนนั้นผมได้รับบาดเจ็บจากการโดนเบลคอัดหรือเป็นผลจากการบรรจงต่อยจนร่างกายผมบาดเจ็บเอง

อาวุธจากแร่เบลคก็คอยกัดกินผมจากบาดแผลที่ผมมี รวมไปถึงการโจมตีของเบลคเองด้วย ผมไม่รู้ตัวในขณะนั้นเหมือนตัวเองเห็นแสงสีขาวหรือภาพดำมืดจากการโดนระเบิดสมองแล้วซ่อมแซมตัวเองกลับไปมา

แต่มือเท้าผมยังคงซัดออกไปที่เป้าหมายอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย






เอาเถอะต่อไปจะเป็นยังไงต่อใครจะรู้ แต่อย่างน้อย ผมก็สามารถปกป้อง ควอซ่า(พัลซ่า) ฮิโซกะ และคนอื่นๆ

ก็นับว่าประสบผลสำเร็จตามที่คาดการใว้ ......มันยังมีอุปสรรคที่ใหญ่ยากยิ่งกว่านี้อีก

หากแค่เบลคที่พลังไม่ถึง3% ยังเอาชนะไม่ได้ ก็คงไม่ต้องทำอะไรต่อไปแล้ว....








ผลการต่อสู้ครั้งนี้ ในที่สุดก็จบลง

สถิติการต่อสู้กับเบลค 543 ครั้ง แพ้542 ชนะ 1

เป็นชัยชนะครั้งแรก และครั้งสุดท้ายระหว่างผมกับเบลค...



จบตอน

Narl Diary Fragment


วันที่xx เดือนxx ปีxx

[spoiler]

เข้าสู่บทสรุปสุดท้ายของผมและเบลค ผมพยายามที่จะถามย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับความคิดของมันตอนนี้ ว่ามันคุ้มใหม?

การต่อสู้ที่เรียกว่าแทบจะรู้ผลอยู่แล้ว ยากที่จะพลิกโอกาสชนะ แต่เบลคก็เลือกที่จะมา?



ถึงจะอย่างนั้นทั้งผมก็รู้ว่าเบลคยังมีพลังเหลืออยู่ ซึ่งเพียงพอที่จะทำอะไร"บางอย่าง"ต่อไปได้

แน่นอนผมเข้าใจว่าพลังส่วนนี้เบลคน่าจะเก็บใว้เพื่อใช้ผนึกผมดังที่เจ้าตัวคิดใว้

แต่เมื่อผลลัพท์เป็นแบบนี้เบลคก็ยังคงเลือกที่จะไม่ใช้มันออกมา



ผมเชื่อว่า เบลคเองก็คงรู้อยู่แต่แรกแล้วว่ามันจะลงเอยอย่างนี้ ถ้าเช่นนั้นมันก็เพียงแค่รอให้ตัวเองพลังฟื้นฟูก่อน หรือกระทั่งตอนนี้จะ"หนี"ไปตั้งหลักก่อนก็ยังได้

ซึ่งเจ้าตัวก็ให้เหตุผลเพียงว่า เขามานี่(เพื่อแพ้?) เพราะอโลนบอกให้มันมา เจ้าบ้านี่ก็ดันบ้าจี้มาอีก



...มันยังคงยืนยันเชื่อในสิ่งที่มอริซทำนาย ทั้งที่ผมก็บอกมันไปหลายรอบแล้วว่ามอริซทำนายก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะพูดเรื่องจริงทุกเรื่องบางเรื่องขอให้มันได้จุดประสงค์ที่ต้องการมันก็สามารถหลอกใช้ใครก็ได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ

ผมยกตัวอย่างแองเกอร์ฟิซซึ่งสุดท้ายมันก็ตายไปในมหาสงครามที่ผ่านมา...

ใหนเลย เบลคที่อยู่ในอาการหม้ามืดตามัวหลงใหลในอโลนจะเข้าใจถึงเรื่องนี้แม้มันกำลังจะตาย

ตอนแรกผมก็โมโหนะนี่มันความคิดของสิ่งมีชีวิตที่อยู่มาหลักล้านปีได้ยังไง? สมยานามเทพนักรบในอดีต....แล้วดูตอนนี้สิกลายเป็นอะไร?

แต่หลังจากนั้นมาคิดดูอีกทีแล้ว หมอนี่มันก็เหมือนสิ่งมีชีวิตที่รู้จักแต่การต่อสู้รบราฆ่าฟัน เรียกว่าอยู่บนจุดสูงสุดของนักสู้คนรอบข้างที่เข้าหามันก็มีแต่นักสู้แม้แต่ผู้หญิง...

มาวันหนึ่งมันก็หยุดอยู่ที่"อโลน" การพ่ายแพ้ ไม่ใช่เรื่องแปลกในการต่อสู้ แต่การพ่ายแพ้อย่างไร้ข้อกังขามันคงเป็นครั้งแรกสำหรับเบลคแถมแพ้ให้กับ"ผู้หญิง"ถ้ามองแบบโรแมนติคก็คงจะเป็นเช่นนั้น...



ถึงอย่างนั้น เบลคมันก็เลือกเส้นทางที่ผิด....ผมอยากจะติดอย่างนั้นให้สนิทใจ

แต่ด้วย"เส้นทางของมอริซ"มันทำให้ผมเกิดความลังเลตลอดเวลาราวกับอาการท้องผูกที่จะทำอะไรก็ไม่สุดทุกครั้งที่จะลงมือกระทำอย่าใดอย่างหนึ่งมันจะมีคำว่า"เส้นทางของมอริซ"ผุดขึ้นมาเสมอ

....ดังนั้นแล้ว ผมจึงตัดสินใจ

"ฆ่า"เบลคเสีย...





การฆ่าเบลค ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกยินดี หรือเสียใจแต่อย่างใด

มันเหมือนการกระทำที่สมควรทำ จากมูลเหตุเรื่องราวที่ผ่านมา

ผมพยายามนึกถึงอดีตที่เคยเจอเบลค ก็นับว่ามันเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง

ดีในแบบที่คนทั่วๆไปเป็น ไม่ได้ดีขนาดพ่อพระเหมือนมอริซพี่ชายอันนั้นพ่อพระแค่ในนามภาพลักษณ์

แต่เบลคมีความจริงใจมากกว่านั่นจึงเป็นสิ่งสะท้อนถึงการกระทำที่ตรงไปตรงมาจนทำเรื่อง"โง่ๆ"

....นี่น่ะหรือ ตัวตนจริงของเบลค รู้สึกได้ถึงความหนาแน่นของมวล






และพลังเวทย์....






"ไอ้บ้าเอ๊ย....ถ้ามีพลังเหลือขนาดนี้ "

"ทำไมไม่ใช้ออกมาวะ???"

ผมใช้เวลา 1 เดือนในการเดินทางกลับโรงเรียน







กลับไปหาพวกเธอ...



จบตอน

Narl Diary Fragment


วันที่xx เดือนxx ปีxx




วันนี้เป็นอีก1วันที่ผมรู้สึกปวดใจมากอีก1วัน หลังจากที่ผมได้ข่าวจากอาบิสจังที่อุตส่าห์ดั้นด้นค้นหาผมอยู่นาน

ก็ต้องขอโทษจริงๆที่ผมไม่ได้มีเจตนาจะหลบหน้าใครแค่ต้องการความสงบและสมาธิ

เข้าเรื่องเลยละกัน อาบิสจังมาบอกข่าวกับผมว่า "เซร่า" ชื่อนี้เหมือนไม่ได้ยินมาสักพัก เธอถึงอายุขัยของตัวเองแล้ว

ไม่สิเรียกว่าอายุเกินอายุขัยของเผ่าเธอเองที่มีอายุเฉลี่ยที่150ปี แต่อายุเธอตอนนี้มากถึง450ปีแล้ว และวันเกิดของเธอก็เพิ่งจะผ่านมาได้1อาทิตย์





ผมเข้าใจได้ทันที และรีบกลับไปหาเธอ...หลายๆอย่างเปลี่ยนไปมาก นี่ผมไม่ได้ออกมาเห็น"โลก"นานขนาดนี้แล้วหรือ?

ช่างเถอะ คุยแต่เรื่องเซร่าดีกว่า ข้อมูลจากอาบิสจังเกี่ยวกับเซร่าที่ได้บอกผมระหว่างเดินทาง

หลังจากที่ผมไม่อยู่เซร่าเธอก็ได้แต่งงาน5ครั้งมีลูกคนละ1สามีและมีหลานและเหลนอีกมากมาย

ถึงกระนั้นด้วยอายุที่เธอมากกว่าคนอื่นๆลูกหลานของเธอก็ได้เสียชีวิตไปก่อนเธอ

จนปัจจุบันนี้สภาพร่างกายของเธอเกินขีดจำกัดไปนานแล้วจนร่างขายแทบไม่สามารถขยับได้

ที่ยังแข็งแรกอยู่ก็คือ"หัวใจ"และพลังเวทย์ที่แข็งกล้า

แม้จะลดหลั่นลงมามากแต่ก็เพียงพอจะอำนวยชีวิตประจำวันของเธอเองได้เช่นการใช้เวทย์เสียงแทนการพูดคุยด้วยร่างกายตัวเอง






400ปีโดยประมาณ...สำหรับผมแล้วมันไม่นานเลย แต่ไม่ใช่กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ผมรู้สึกดีใจและก็เสียใจเฉกเช่นเดียวกับเซร่าหลังจากที่ได้เจอกันอีกครั้ง

ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเธอดี เพราะที่เธอยังอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ก็เป็นเพราะผมเอง

เซร่าเปิดประเด็นพูดถึงหลังจาก"วันนั้น" มันเกิดอะไรขึ้น? เธออยากให้ผมเล่าให้เธอฟังตามความจริงไม่ต้องการเรื่องปกปิดหรือคำโกหกใดๆอีก





...นั่นสินะหลังจากวันนั้นมันเป็นเรื่องราวที่เหลือเชื่อมากจนผมจำไม่ลืมเลย มันเป็น"แผน"กำจัดอโลน ที่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้

นี่สินะคือสิ่งที่เซร่าอยากรู้ เธอตัดพ้อผมอีกครั้งว่าเหตุใดเธอถึงต้องรู้เรื่องแบบนี้ทีหลังตลอดถ้าเธอไม่ถาม แหม่..ก็ผมมันคนปากหนักนี่ครับ..

งั้นก็มาเริ่มเลยล่ะกัน"แผน"ที่ว่านี้

หลังจากที่ผมจัดการกับเบลคไปแล้ว ผมได้แยกกับทุกคนเพื่อไปกับ"อโลน"ที่เธอรอผมอย่างใจจดใจจ่อ

เหตุที่ต้องทำแบบนี้...ก็เพราะมันเป็นแผนยังไงล่ะ แผนที่ว่านี้มันง่ายมาก แต่ก็เจ็บปวดใจที่ผมจะไม่ได้เจอกับทุกคน

สิ่งที่ผมทำก็คือ"รอ"อย่าให้อโลนไปใหน "รอ"จนเวลาการดำเนินแผนขั้นต่อไปได้มาถึง

บอกตามตรงว่านี่มันไม่เรียกว่าแผนด้วยซ้ำสำหรับผมเพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะคืออะไร

รู้เพียงแค่ คนที่จะมาบอกเมื่อเวลานั้นมาถึงคือG-NES(1ในจอมอสูร4ธาตุ ธาตุไฟ ที่หน้าเหมือนหมา)

แต่ต้องย้ำอีกครั้งนะว่าแผนนี้คิดโดย"มอริซ"ไม่บ้านี่อีกแล้ว แต่ทำไมต้องเชื่อแผนมันด้วยล่ะ? นั่นก็เพราะว่ามีG-NESร่วมมือด้วยนี่แหล่ะผมถึงพอใว้ใจได้ว่าแผนการนี้เป็นของจริง

จนเวลาผ่านไป2ปีผมจึงได้รู้ว่า แผนการนี้ "มอริซมันโกหก"

เวลาเพียง1-2ปีสำหรับสิ่งมีชีวิตประเภทพวกผมแล้วมันน้อยมากๆ ไม่อาจทำให้เกิดความเบื่อหน่ายได้

แต่สำหรับสิ่งมีชวิตอื่นๆนั้นเวลา2ปีเองก็มีความหมายมากยิ่งนัก อโลนเฝ้าดูผมอย่างนั้นเรื่อยมา แน่นอนว่าเธอรู้ว่าผมจงใจที่จะอยู่นิ่งวางเฉยต่อสิ่งต่างๆ

แต่นั่นก็หาได้ทำให้เธอหงุดหงิดแต่อย่างใด





วันหนึ่ง เหตุการณ์สำคัญก็เกิดขึ้น...เมื่อ ควอซ่า(และพัลซ่า)เธอมาหาผม ผ่านไป2ปีเธอแลดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย
ซึ่งตอนแรกผมก็เข้าใจว่า2แม่ลูกอาจไปฝึกวิชาเพิ่มขึ้น ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจเก่งไปกว่าผม...ไม่สิไม่อาจเก่งไปกว่าอโลนแต่อย่างใด



แต่ความจริงหาเป็นแบบนั้นไม่ 2แม่ลูก ไม่ปริปากพูดอะไร เธอเพียงจับมือผมให้ใช้วิชาอ่านความคิดแทน
จึงได้ใจความว่า2ปีที่ผ่านมา ทั้ง2ได้ท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆที่อยากลองไปตามประสาแม่ลูกแม้จะอยู่ในร่างเดียวกันจนพอใจ จึงได้เวลาที่จะดำเนินแผนที่มอริซเตรียมใว้สำหรับพวกเธอ...

ใช่แล้วมันคือความคีย์เวิร์ดสุดท้ายที่มอริซวางใว้อย่างแน่นหนา ไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยบังเอิญจนทำให้มันเสียแผน

กล่าวคือ ย้อนไปเมื่อสมัยที่ "แม่(ดรากัน)" ของพัลซ่าได้ใช้คัมภีร์เวทย์ ที่เขียนโดยมอริซและไอ้แสบมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด มันถูกกำหนดใว้แต่แรกแล้วว่าดรากัน(แม่พัลซ่า)จะใช้มัน และตามด้วยพัลซ่าเองที่ใช้เพื่อควอซ่า และคราวนี้ควอซ่าก็ได้ใช้มันเพื่อผม..

เพียงแต่ข้อความในคัมภีร์นี้มันหาใช่วิชาเวทย์จัดการอโลน แต่มันเป็น"แผนการ"ที่สำคัญที่จะนำไปสู่การกำจัดอโลน ซึ่งการจะแกะความลับของคัมภีร์นี้นอกจากจะ"คัดแยกข้อความ" ที่เขียนโดยมอริซ
แล้วจะต้องอ่านถอยหลัง แบบหน้าบรรทัดเว้นบรรทัด รวมไปถึงผู้ที่จะอ่านแปลความออกจะต้องเป็นผู้ที่มี2วิญาณในร่างเดียวกันจึงจะตีความข้อความนั้นได้ อารมณ์ให้2สมองช่วยกันคิดแล้วเอาประมวลผลมารวมกัน
ซึ่งคุณสมบัตินั้นคือควอซ่าที่มีพัลซ่าอยู่ด้วยนั่นเอง มิน่าล่ะก่อนหน้าที่พัลซ่าศึกษา หรือผม ผม หรือแม้แต่ฮิโซกะ รวมไปถึงไอ้แสบที่เป็นคนร่วมเขียนคัมภีร์ก็ไม่อาจเข้าถึงข้อความลับที่ซ่อนใว้



ควอซ่าได้ส่งต่อแผนการที่เธอได้รับมาผ่านความคิดเพื่อมิให้ อโลนรับรู้ แน่นอนว่า การที่ทั้ง2(ควอซ่าและพัลซ่า)ใช้ร่างร่วมกันจึงพูดคุยกันผ่านความคิด อโลนจึงไม่สามารถจับพิรุธอะไรได้

แผนการที่ว่านี้คือการ"ลดทอน"พลังของอโลนซึ่งต้องใช้เวลาอย่างมากดังนั้นสิ่งที่ผมต้องทำคือการ"รอ"เหมือนที่ ผมได้รับมาจากฮิโซกะ

เพียงแต่สิ่งที่เพิ่มมาคือ"ความตาย"ของคนอื่นๆ



ผมเข้าใจได้ทันทีว่าหากมอริซเปิดเผยเรื่องนี้แต่แรกผม(และคนอื่นๆ)ย่อมไม่ยอมแน่นอน
แต่ไม่ใช่กับ2แม่ลูกนี้ เธอผ่านเหตุการณ์หนักหนามามากพอแล้วแต่เด็ก และพวกเธอก็สมหวังในชีวิตอย่างสูงสุดแล้วเช่นกัน
ดังนั้นการที่พวกเธอคือ "ศพแรก" ของแผนการจึงเป็นความเต็มใจของพวกเธอเอง...



แน่นอนผมไม่อาจอยู่เฉยได้ เมื่อเห็น ควอซ่าและพัลซ่า ตาย....อย่างอนาถ

มันดูง่ายดายมากสำหรับอโลน และง่ายดายมากเมื่ออโลยเสนอว่าจะคืนชีพควอซ่ากลับมาให้ด้วยการย้อนเวลา...

เธอแลดูจะเดาใจคำตอบของผมอยู่....

Narl Diary Fragment


วันที่xx เดือนxx ปีxx

[spoiler]

เพื่อให้แผนสำเร็จ ผมจำต้องอดทนอย่างมากเพื่อที่จะนั่งอยู่อย่างสงบ แน่นอนมันยากแต่สักพักผมก็สงบตัวเองลงได้

ผมเชื่อว่าแม้ผมจะยอมให้อโลนย้อนเวลากลับไป ผมก็ไม่อาจเปลี่ยนผลลัพธ์ได้ หากแม้การย้อนเวลาของอโลนก็เป็น1ในเส้นทางของมอริซ

ดังนั้นการปล่อยให้เป็นไปตามแผนดังเดิม มันจึงเป็นผลที่ดีกว่า



ยิ่งนานยิ่งได้รู้ถึงธาตุแท้ของอโลน ถ้ามองในแง่บวกสำหรับผม การที่ผมต้องนั่งดูอโลนไปเรื่อยๆก็เป็นการได้เห็น สิ่งที่ไม่ดีของเธอออกมาเรื่อยๆ

อโลนพยายามบีบให้ผมต้องเคลื่อนไหว โดยการ"ฆ่า"คนที่ผมผูกพันธ์ด้วย ด้วยการระเบิดหัวใจผู้หญิงทุกคนที่ยังมีความสัมพันธ์กับผม

ผมในตอนนั้นทั้งอึ้งและตะลึงว่าการ"ฆ่า"ใครสำหรับอโลนมันช่างง่ายดายยิ่งนัก ผมเข้าใจได้ทันทีว่าทำไม แผนการฆ่าอโลนที่มอริซวางไว้นั้นจึงกินเวลาและซับซ้อนลำบากยิ่ง



แม้ร่างกายไม่ขยับ แต่จิตใจผมก็ไม่อาจหยุดคิดได้ ส่งผลให้ผ้าคลุมเขียวก่อเป็นร่างเข้าจู่โจมอโลน แน่นอนว่ามันไร้ผล ต่อให้ผมลงมือด้วยตัวเองเองก็ตามที

ผมมองเห็นถึงสีหน้าของอโลนยิ้มแย้มยินดีที่ได้เห็นจิตสังหารของผมผ่านผ้าคลุมเขียว

ตอนนั้นผมไม่รู้ว่า ใครเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งภายหลังผมมารู้ทีหลังว่าคนใกล้ตัวผม2คนเกิดผลกระทบทันที

เซร่าโชคดีที่เธออยู่ข้างไอ้แสบ(หรืออีกนัยก็คือเธอถูกกำหนดให้เวลานั้นเธออยู่กับไอ้แสบตามการคำนวนของมอริซ)



ส่วน ฮิโซกะ แม้อโลนจะมองไม่เห็นในทางทฤษฏี แต่พลังของอโลนก็ครอบคลุมไปถึงฮิโซกะได้

เพียงแต่ อย่างที่รู้กันว่า "หัวใจ"ของฮิโซกะถูกแทนที่ด้วยหลุมดำ

ดังนั้นผลกระทบจากการที่หัวใจถูกทำลาย จึงทำความเสียหายต่อฮิโซกะเพียงระดับหนึ่ง และแม้เธอไม่ตายแต่เธอก็รู้ตัวแล้วว่าความรู้สึกเมื่อหัวใจของเธอหายไปอย่างตลอดกาลนั้นเป็นเช่นไร...




ถึงกระนั้นผมก็ยังคงอดทนกัดฟันตัวเองจนหัก กำมือแน่นจนเล็บจิกมือไปหลายครา ในขณะนั้นเอง เหตุการณ์ขั้นถัดไปก็เริ่มขึ้น

เมื่อZenith กษัตริย์เจ้าชายที่เคยปรากฏตัวในช่วงมหาสงคราม(ช่วง50กว่าปีที่ผมไม่อยู่)

ก็โผล่มาด้วยสถานการณ์แปลกๆ อย่างการขออโลนเป็นภรรยา...

ผมมองดูZenith แล้วก็พลันนึกได้ว่า หมอนี่มีความคล้าย "เบลค" มาก เป็นคนที่แสวงหาความเก่งมากกว่าลาภยศที่ตัวเองมี และก็หยุดอยู่กับสาวที่ตัวเองไม่เคยนึกฝันว่าจะอยู่เหนือกว่ามัน

ผมนั่งฟังบทสนทนาอยู่สักพัก



ผมเห็นอโลนยืนนิ่งมองดู Zenith สักพัก ก่อนที่เธอจะปฏิเสธ ผมเชื่อว่าตอนนั้นเธอกำลังมองดู"อดีต"ของZenithอยู่ แถมเธอยังโบ้ยว่าเธอคบหากับผมอยู่

แต่เนื่องจากผมกำลังดำเนินแผนอยู่ผมจึงนิ่งเงียบปล่อยให้ทั้ง2จัดการเรื่องของตัวเองกันและกัน

ผมไม่รู้ว่าZenithรู้อะไรเกี่ยวกับอโลนบ้าง ถึงได้มาหาอโลนโต้งๆแบบนี้

แน่นอนว่า จะชนะใจคนที่เก่งกว่า ก็ต้องทำตัวเองให้เก่งกว่าก็เท่านั้น...

ในช่วงที่มีเวลานั่งดูนั่งคิด ก็เห็นได้ชัดว่าฝีมือและพลังของZenithนั้น ยังด้วยกว่า เบลค ด้วยซ้ำ

เพียงแต่...เหมือนZenith จะรู้จุดอ่อนของอโลน เรื่องธาตุแสง ผมก็ไม่รู้ว่ามันไปรู้เรื่องนี้มาจากใหน

ย้ำอีกที อาจใครลืม อโลนนั้นเป็นผู้ใช้Dark matter และ Dark energy หาใช่ผู้ใช้ธาตุแสง เพียงแต่Dark matter นั้นควบคุมแสงอีกที



แม้การต่อสู้มันดูเหมือนจะเป็นการเล่นเด็กๆไม่มีอะไรหวือหวา แต่แท้จริงแล้วถ้าให้ผมเปรียบเทียบความรุนแรง
พลังที่Zenithใช้นั้นเหมือนผมเห็น ดวงอาทิคย์ที่พุ่งแรงเป็นดาวหาง ใส่ดวงจันทร์ของโลก

แต่ทว่า ดวงจันทร์ที่ว่านี้มีมวลเท่า แกแลคซี่4000 แกแลคซี่อัดรวมกันจนขนาดเท่าดวงจันทร์ของโลก

ซึ่งผลลัพธ์น่ะเหรอ?....



เดี๋ยวมีต่อ

Narl Diary Fragment


วันที่xx เดือนxx ปีxx



เล่ามาเสียเยอะแล้วขอแบบรวบลัดเลยละกัน

หลังจากZenith สลายหายไปกับตาผม ผมก็ทำหน้าที่เป็น"ผู้เฝ้ามอง"ที่ดี นั่งดูเรื่องราวต่างๆที่เข้าหาอโลน ซึ่งมีคู่ต่อสู้มากมายที่หาญกล้ามาลองดีกับเธอตลอดเวลา

แต่เอาที่สำคัญๆละกัน คนแรกคือ LEVEL มันโผล่มาหลังจากZenith ตายไปประมาณ 200 ปี ผมไปค้นข้อมูลย้อนหลังแล้ว หมอนี่เป็นรูกี้หน้าใหม่ ที่แสวงหาการต่อสู้

เชื่อว่ามันเป็น 1ในเชื้อสาวของเผ่าNatas (เผ่าเดียวกับสามีของยัยเบอร์5)และผสมกันกับเผ่าใดเผ่าหนึ่งที่ค่อนข้างทรงพลัง

ก่อนหน้านี้ ไอ้แสบเคยเล่าใว้ว่าในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อคราที่ผมไม่อยู่(ก่อนมหาสงคราม) LEVEL คือคนที่สังหาร "น้ำ" 1 ใน 4 ของจอมอสูร4ธาตุ ตอนแรกก็แลดูน่าเหลือเชื่อ

แต่เมื่อเห็นตอนมันสู้กับ อโลนแล้ว ก็ทำให้เชื่อได้ว่ามันอาจจะสังหาร"น้ำ"ได้จริงๆ





1 ในปัจจัยสำคัญที่ LEVEL สามารถต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจได้ หาใช่มีเพียงพลังความสามารถ แต่มันมี "อาวุธ" ที่ ถูกสร้างจากวัสดุต่างจักรวาล

...แม้จะเป็นวัสดุคนละประเภท แต่มันก็เป็น ของที่ไม่มีในจักรวาลนี้เช่นเดียวกับ"ดาบแดง"ที่ผมครอบครองอยู่

เป็นเหตุให้ แม้แต่อโลนก้ไม่สามารถ"ทำลาย"อาวุธของLEVELได้...แปลกแต่จริง เพราะมันคือสิ่งที่ผมเห็น

ถึงกระนั้น ความแข็งแกร่งของอโลนก็เกินที่ LEVELจะจินตนาการ ....มันคงพอใจกับผลลัพธ์ของการแลกชีวิตกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งสมใจอยากล่ะนะ




ต่อมาอีก 700,000 ปี ก็เป็น Lusion หรือ ที่เขาเรียกกันว่า "ตำรวจ(อวกาศ)" เจ้านี่ เป็นคู่ปรับของ MAZ หรือ "ดิน" มาช้านาน

เห็นได้ชัดเลยว่า Lusion แข็งแกร่งมากกว่าที่คิด ผมไม่เคยประมือกับLusion มาก่อน รู้แค่เพียงว่าหมอนี่มักทำตัวเป็นเหมือนผู้ดูแลระเบียบของจักรวาลทั้งๆที่ไม่ได้มีใครขอ

และหากเห็นว่าใครจะเป็นภับต่อจักรวาลมันก็จะเข้าไปยุ่มย่ามเสมอ Lusion เคยประมือกับ อโลน มาก่อนหน้ามันจึงรู้ดีถึงความแข็งแกร่ง

จากข้อมูลย้อนหลังจึงรู้ว่า มันเองก็ไปซุ่มฝึกวิชากับMAZ...จะเรียกงั้นก็ไม่ได้เพราะ2คนนี้มันทะเลาะต่อสู้กันประจำมาแต่ใหนอยู่แล้ว แต่ที่แน่ๆ Lusion ใช้ธาตุ"แสง"

ไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ดังที่เคยบอกอโลนอ่อนต่อธาตุแสง ทำให้ผมได้เห็นการต่อสู้ ที่น่าตื่นตา และผมเชื่อว่า Lusion เก่งกว่า "เบลค"ในช่วงท๊อปฟอร์มเสียอีก

การต่อสู้ที่ยาวนาน ทำให้ผมเห็นว่า อโลน ใช้พลังย้อนเวลาครั้งหนึ่ง เพื่อแก้ไขการต่อสู้ เนื่องจากเธอโดนฟันที่หน้าเป็นแผลใหญ่

....มันช่างเป็นพลังที่มหาโกงและยากต่อกรจริงๆ เหมือนอโลนเป็นอมตะเลยทีเดียว แค่ความแข็งแกร่งที่มีก็ไม่รู้จะจัดการยังไงแล้ว



หลังจากนั้น ก็ทิ้งเวลาไปยาวนาน ไม่มีคู่ต่อสู้เก่งๆให้น่าจดจำเท่าใหร่โผล่มามากนัก มีแต่พวกปลาซิวปลาสร้อยที่ต้องการแสวงหาชื่อเสียง

แต่พวกที่ไม่กล้าไปสู่เส้นทางของ "สงครามแสนปี" แล้วเลือกที่จะมาเจออโลนเพราะคิดว่าคงมีพลังที่น้อยกว่า

จนในที่สุด MAZ (ดิน) ก็มา มันป็นช่วงที่ จักรวาลเริ่มหยุดขยายและหดตัว น่าจะราวๆ 2,000ล้านปี MAZ ตระเวน ต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่"สงครามแสนปี" จนเชื่อว่ามากพอที่จะมาขอลองกับอโลน

ระหว่างนั้นผมได้สื่อสารกับMAZเล็กน้อย MAZมันบอกว่ามันได้เจอกับ Higg (อดีตพ่อตา)ด้วย แม้ผมจะไม่ได้ตอบอะไรกลับแต่มองตากันก็พอจะรู้ว่า MAZ คงได้อะไรดีๆมาจากHigg แน่นอน อย่างน้อยก็เรื่องฝึกวิชาและพลัง



ไอ้แสบเคยเล่าใว้ก่อนหน้าว่า MAZ แม้การต่อสู้ยังไม่ถึงที่สุด MAZ ก็สามารถเด็ดแขนอโลนได้ในครานั้น แต่นั่นเกิดจาก การที่ "ทุกคน" รุม อโลน(และเบลค)

แต่ครั้งนี้ต่างน่าจะออกไปมาก ผมเห็นMAZ ไล่ต้อน อโลน แบบ1-1 ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน ทุกหมัดที่ MAZ ออก มันสั่นสะเทือนไปถึงต่างมิติเลยทีเดียว

ผมต้องตกตะลึงกับ MAZ ที่แสดงผลงานการต่อสู้ได้อย่างตื่นตา แถมรอบนี้ อโลน ใช้พลังย้อนเวลา ถึง 3 ครั้ง ซึ่งทำให้ผมเห็นจุดบอดของพลังนี้

เพราะในขณะที่อโลน ย้อนไปแก้ไขการต่อสู้ MAZเอง ก็แก้ไขด้วยเช่นกัน...



สรุปแล้ว MAZ สามารถเด็ดแขน อโลนได้ด้วยตัวคนเดียว...... ซึ่งอโลนก็เลือกที่จะ ไม่ย้อนเวลากลับไปอีก ทำให้เธอจำต้องเสียแขนตลอดไป

ผมเข้าใจได้ทันทีว่า อโลน เริ่ม "แก่"



เดี๋ยวมีต่อ

Narl Diary Fragment


วันที่xx เดือนxx ปีxx

[spoiler]

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่"แผนการ" ที่ตระเตรียมใว้ได้เริ่มต้น ผมไม่แน่ใจว่ามันใช้เวลากี่ปี แต่เดาเอาละกันว่า น่าจะ4-5พันล้านปี ที่ผมนั่งอยู่กับ อโลน.....

นาพอจนดสวฤกษหลายดวงในระแวกนี้ดับไปจนไร้แสงมายาวนาน



ใช่แล้วการเอาชนะอโลนได้นั้นจำต้องเล็งช่วงที่เธออ่อนแอที่สุด การรอให้เธออยู่ในวัยโรยรา ตามสูตรแก้แค้น10ปีไม่สาย



ถ้าถามว่าถ้าอย่างนั้นทำไมไม่รอให้อโลนแก่ตายไปเลยล่ะ? คำตอบคือ ในช่วงจังหวะนี้อโลนเริ่มหมดความอดทนไง เธอกับผมนั่งมองกันและกันอยู่โดยที่ไม่ทำอะไรเลย

หากรอนานกว่านี้อโลนอาจจะจากไปเอง (ก็อารมณ์เบื่อล่ะนะ)